แนะนำแบรนด์หรูของคนรักไวน์ ชั้นนำจากทั่วโลก

เรามาสำรวจไวน์ชั้นดีจากแบรนด์หรูทั่วโลกให้ได้ติดตามกัน เอาใจคนรักการดื่มไวน์โดยเฉพาะ เพราะครั้งนี้เราคัดมาเฉพาะแบรนด์ไวน์ชื่อดัง และรุ่นที่ดีที่สุดของไวน์แบรนด์แต่ละเจ้า ที่บอกเลยว่าหรูหราไม่ธรรมดาแน่นอน รับรองว่าคอไวน์รวยๆ ต้องมีชื่นชอบถูกใจกันบ้าง

PENFOLDS – MAX’S SHIRAZ

แบรนด์หรูของคนรักไวน์

ไวน์ชนิดนี้เป็นการรวมกลิ่นและรสชาติขององุ่นสองพันธุ์ คือ Shiraz และ Cabernet Sauvignon โดยมีสัดส่วนการผสมที่แตกต่างกัน โดยใช้เวลาหมักยาวนานถึง 12 เดือน โดยใช้วิธีการหมักในถังอย่างละ 3 ถัง ซึ่งได้แก่ ถังโอ๊กฝรั่งเศส ถังโอ๊กตามฤดูกาล และถังโอ๊คชั้นดีของอเมริกา กระบวนหมักไวน์จะเริ่มต้นในฤดูหนาว ทำให้ไวน์มีสีแดงเข้มไปทางม่วง กลิ่นของหินบลูสโตนจะรู้สึกได้ทันทีเมื่อเปิดขวด กลิ่นขององุ่นจะให้รสชาติที่หวาน และกลิ่นของช็อกโกแลตและราสเบอร์รี่ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นของผลไม้บลูเบอร์รี่อีกด้วย รสชาติของไวน์จะมีความคงที่ รวมไปถึงรสชาติของบลูเบอร์รี่และมัลเบอร์รี่หรือต้นหม่อน ทำให้ไวน์มีรสชาติที่หวาน และคล้ายกับสาหร่ายหวาน ไวน์รสนี้เหมาะสำหรับทุกโอกาสความเข้มของแอลกอฮอล์จะเริ่มต้นที่ 14.5% และราคาต่อขวดจะอยู่ที่ 1,130 บาท

MOUTON CADET – BARON PHILIPPE DE ROTHSCHILD

ถ้าคุณชอบไวน์แดงจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีรสชาติเบาๆ เรียบง่ายๆ และเป็นสไตล์ชัดเจน Bordeaux เต็มๆ ขอแนะนำขวดนี้ได้เลย นำเข้าจากฝรั่งเศส ที่ได้รวบรวมองุ่นหลายสายพันธุ์จากแคว้น Bordeaux โดย Baron Philippe de Rothschild นั้นจะมีกลิ่นหอมของผลไม้ที่ถูกบ่มจนได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยเฉพาะกลิ่นของแบล็คเคอร์แรนท์และ morello cherry ที่สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของผลไม้ และแทนนินที่ให้สัมผัสเนียนในปาก และแอบซ่อนความเผ็ดเล็กน้อยปลายลิ้นด้วยองุ่นพันธุ์ Merlot อีกด้วย ราคา 990 บาท

Royal DeMaria – Royal DeMaria Cabernet Franc Icewine

Royal DeMaria เป็นหนึ่งในเกรดไวน์ที่มีราคาสูงมากในโลก ผลงานของ Joseph DeMaria ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการผลิตไวน์ที่เริ่มต้นด้วยการทำไวน์จากการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูหนาวครั้งแรก จนได้รับรางวัลระดับนานาชาติ 5 รางวัล ผู้ผลิตไวน์ที่เชี่ยวชาญในการผลิตไวน์เก็บเกี่ยวในฤดูหนาว จนกลายเป็นผู้ผลิตไวน์รายเดียวที่เชี่ยวชาญเฉพาะในการผลิตไวน์เก็บเกี่ยวในฤดูหนาว ปัจจุบันมีไวน์ผลไม้ 24 ชนิด และไวน์ขวดนี้มีราคาถึง 250,000 เหรียญต่อขวด

Chateau d’Yquem

สำหรับคนที่ชื่นชอบไวน์ขาวเบาๆ รสชาตินุ่มๆ และชวนให้รู้สึกฟิน เราขอแนะนำไวน์ Chateau d’Yquem 1787 นี่เป็นไวน์ขาวโบราณที่ผลิตโดย Chateau d’Yquem ไวน์องุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์นี้ถูกเก็บเกี่ยวในช่วงที่จอร์จ วอชิงตันเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา แม้ในขณะนั้นกำลังมีการปฏิวัติฝรั่งเศสและเจมส์ วอตต์กำลังพัฒนาเครื่องยนต์ไอน้ำครั้งแรก ไวน์นี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ดื่มครั้งแรกในปี ค.ศ. 2529 ขายในราคา 56,588 ดอลลาร์ในการประมูลของคริสต์ในกรุงลอนดอน และขวดนี้ก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ขวดที่พบได้ใต้กำแพงใต้ดินในกรุงปารีสเมื่อปี ค.ศ. 2528 จนกระทั่งนำมาผลิตใหม่อีกครั้งในราคาขวดละ 3,000 ดอลลาร์

Pinot Noir

ไวน์ปิโนต์นัวร์ มาจากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งมีความหมายว่า “Black Pine” ไวน์ชั้นดีที่มาจากไร่องุ่นใกล้ชายฝั่งแถบโอเรกอน แคลิฟอร์เนีย เบอร์กันดี และนิวซีแลนด์ ถ้าถามถึงที่ผลิตไวน์ปิโนต์นัวร์ที่ดีที่สุดบอกเลยว่านี่เป็นเจ้าถิ่นในประเทศฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ ไวน์ Le Grand Noir มาจากไร่องุ่นในเขต Minervois ใน Languedoc-Roussillon ใต้ฝรั่งเศส ชาวโรมันทำไวน์ที่นี่ โดยไวน์ Viognier กลิ่นหอมที่เจริญเติบโตในสภาพภูมิอากาศอบอุ่นและลมจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บวกกับเทือกเขาสีดำที่ Azille ผสมผสานกับไร่องุ่นที่ปลูกอย่างดีจาก Pepieux ถือว่าดูแลใส่ใจทุกองค์ประกอบในการทำไวน์เลยทีเดียว ไม่แปลกเลยที่รสชาติจะถูกปากนักชิมไวน์ทั่วโลก ราคาขวดละ 1,149 บาท

เอาเป็นว่าหากใครชื่นชอบการดื่มไวน์แบบไหน หรือสะดวกหาซื้อไวน์แบบไหนก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะนี่เป็นเพียงไวน์หรูยอดนิยม ที่เราคัดเฉพาะมาเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าบนโลกใบนี้มีไวน์อีกมากมายที่รอให้นักชิมไวน์และคนที่สนใจอยากลิ้มลองได้สัมผัสกันอยู่แล้ว เพราะการชิมไวน์ไม่ใช่แค่รสชาติหรือสัมผัสเท่านั้น แต่ยังมาจากจิตวิญญาณของนักทำไวน์ที่ต้องบ่มดูแลอย่างดีเป็นเวลานานกว่าจะได้แต่ละขวดด้วย